พิษเทรดวอร์ยืดเยื้อ! เอกชนพร้อมใจ "เบรก" ลงทุน-ส่งออกชะลอตัว

Cover image พิษเทรดวอร์ยืดเยื้อ! เอกชนพร้อมใจ "เบรก" ลงทุน-ส่งออกชะลอตัว

พิษเทรดวอร์ยืดเยื้อ! เอกชนพร้อมใจ "เบรก" ลงทุน-ส่งออกชะลอตัว 

 

สถานการณ์สงครามการค้า (Trade War) ระหว่างคู่มหาอำนาจที่ยังคงยืดเยื้อและไม่มีทีท่าว่าจะยุติ ได้ส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อภาคการส่งออกและการลงทุนของประเทศไทยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 ทำให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนส่วนใหญ่เข้าสู่โหมด "Wait and See" เพื่อรอประเมินสถานการณ์และทิศทางนโยบายที่ชัดเจนจากทั้งในและต่างประเทศ

ประเด็นสำคัญ:

1. ภาคการส่งออกชะลอตัวต่อเนื่อง ตัวเลขการส่งออกจากกระทรวงพาณิชย์ล่าสุด (ข้อมูล ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2568) แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวในระดับต่ำกว่าคาดการณ์ โดยเติบโตเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ผลกระทบที่เห็นได้ชัดคือ:

คำสั่งซื้อลดลง: สินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, ชิ้นส่วนยานยนต์ และสินค้าเกษตรแปรรูป ได้รับผลกระทบจากคำสั่งซื้อที่ลดลงจากประเทศคู่ค้าหลักที่เกี่ยวข้องกับสงครามการค้า

ความเชื่อมั่นผู้ซื้อลดลง: ความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจโลกทำให้ผู้ซื้อในต่างประเทศชะลอการตัดสินใจและลดปริมาณการสต็อกสินค้า

2. ภาคธุรกิจชะลอการลงทุนใหม่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้แสดงความกังวลต่อดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลง โดยระบุว่าผู้ประกอบการจำนวนมากเลือกที่จะชะลอแผนการลงทุนขยายโรงงานหรือนำเข้าเครื่องจักรใหม่ออกไปก่อน เนื่องจาก:

ความเสี่ยงด้านอุปสงค์: ไม่สามารถคาดการณ์ความต้องการของตลาดในระยะกลางถึงยาวได้

ต้นทุนผันผวน: ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและราคาวัตถุดิบที่เชื่อมโยงกับสถานการณ์โลก ทำให้การประเมินต้นทุนและกำไรทำได้ยาก

3. นักลงทุนต่างชาติปรับพอร์ต ตลาดทุนได้รับผลกระทบจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่ลดลง มีแรงเทขายในสินทรัพย์เสี่ยงและหันไปถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น นักวิเคราะห์มองว่า ตราบใดที่สถานการณ์เทรดวอร์ยังไม่มีความชัดเจน ตลาดทุนจะยังคงมีความผันผวนสูงต่อไป

ข้อเสนอแนะจากภาคเอกชน: กกร. ได้เสนอให้ภาครัฐเร่งเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับตลาดใหม่ๆ เช่น สหภาพยุโรป (EU) และสหราชอาณาจักร (UK) เพื่อกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพาตลาดส่งออกเดิม พร้อมทั้งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเพิ่มเติม เพื่อพยุงกำลังซื้อและประคองให้ภาคธุรกิจสามารถผ่านช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนนี้ไปได้

บทสรุป: สถานการณ์ "Wait and See" ของภาคธุรกิจไทยมีแนวโน้มจะดำเนินต่อไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หรือความชัดเจนของผลกระทบจากสงครามการค้า ซึ่งกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับหนึ่งที่กดดันการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 นี้

16 Jun 2025By Trendpro